บ้านสะเนพ่องเป็นชุมชนดั้งเดิมเคยเป็นที่ตั้งของเมืองสังขละบุรี
บ้านสะเนพ่องเป็นชุมชนดั้งเดิมเคยเป็นที่ตั้งของเมืองสังขละบุรีมาก่อน ตามที่มีการบันทึกหลักฐานกล่าวว่า ภวะโพ่พระศรีสุวรรณคีรีที่ 1 เป็นเจ้าเมืองและมีการปกครองต่อเนื่องกันมา 5 ลำดับก่อนที่ทะเจียงโปรยพระศรีสุวรรณที่ 5 ย้ายไปตั้งเมืองใหม่ที่ตำบลวังกะ และเป็นเจ้าเมืองคนแรกระหว่างปี พ.ศ. 2439 – 2467 ต่อมามีการสร้างเขื่อนเขาแหลมจึงย้ายไปตั้งเมืองใหม่อีกครั้งที่ตำบลหนองลู อำเภอสังขละ(แจจุบัน) บ้านสะเนพ่องหมู่ 1 มีจำนวนครัวเรือน 166 ครัวเรือน จำนวนประชากรทั้งสิ้น 1,027 คน (ข้อมูลจากสำนักทะเบียนราษฎร์ อำเภอสังขละบุรี ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2559) ประชากรมรหมู่บ้านมีทั้งที่ถือบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรสถานะบุคคลบนพื้นที่สูง (บัตรสี) โดยลักษณะภูมิประเทศของหมู่บ้านตั้งอยู่ระหว่างหุบเขามีทั้งพื้นที่ราบและพื้นที่ภูเขาสลับซับซ้อน มีลำห้วยไหลผ่านหมู่บ้าน บริเวณรอบๆ หมู่บ้านตั้งแต่ด้านทิศตะวันออกเรื่อยไปถึงด้านทิศเหนือโอบล้อมด้วยภูขั้ทอดตัวเป็นแนวยาวต่อเนื่องกันไป การทำมาหากินของชาวบ้านมีทั้งทำไร่ข้าวหมุนเวียน ทำนา ทำสวน และหาอยู่หากินกับป่าด้วยวิถีชีวิตและการทำมาหากินของชาวบ้านที่มีวัฒนธรรม ข้อห้ามความเชื่อเป็นตัวทำให้การดำรงชีพที่ผ่านมาไม่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ แต่ด้วยสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันที่ชุมชนมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น คนในชุมชนมีค่าใช้จ่ายทั้งจากการศึกษาเล่าเรียนของบุตรหลาน, การรักษาตัวในโรงพยาบาล, ความต้องการยานพาหนะเมื่อมีการพัฒนาเส้นทาง, ความต้องการโทรทัศน์ จานดาวเทียม เครื่องเสียงเมื่อแผงโซล่าเซลล์เข้าถึงทุกบ้าน, ความต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบการสร้างบ้านให้แข็งแรงถาวร ทำให้การทำมาหากินในวิถีเดิมไม่สามารถตอบสนองได้ แต่ละครอบครัวจึงต้องหาอาชีพ หารายได้ทั้งจากการเก็บหาของป่าขาย, ทำงานรับจ้างทั้งในและนอกชุมชน, ทำงานมีเงินเดือนประจำ, เปิดร้านค้า, ให้เช่ารถขับเคลื่อนสี่ล้อ และขยายพื้นที่ทำกิน เปลี่ยนพื้นที่ไร่หมุนเวียนให้เป็นสวนถาวรที่ไม่สามารถฟื้นความอุดมสมบูรณ์ได้อีกต่อไป ซึ่งการบุกรุกแผ้วถางพื้นที่และการใช้สารเคมีในการเพาะปลูกส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพของพืชท้องถิ่นให้สูญหาย และ 1 ในพันธุกรรมพืชท้องถิ่นกำลังได้ผลกระทบคือดอกไม้